วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วิจารณ์หนัง: โคตรรักเอ็งเลย

คำเตือน ใครที่ยังไม่ได้ดูเรื่องนี้ อย่าอ่านเด็ดขาด เพราะถ้าคุณอ่านจบ อรรถรสในการดูหนังเรื่องนี้จะหมดไปเลยทีเดียว และคุณจะไม่ได้รับความประทับใจจากมันอย่างเต็มที่อย่างที่ผมและหลายๆคนได้ รับ

ผมได้ดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วในรอบสื่อมวล ชน แต่ผมไม่กล้าที่จะเขียนบทความนี้ออกมา เนื่องจากที่ผมกล่าวไปข้างต้นคือ หนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่จะบอกได้ว่า “หลอกคุณตั้งแต่การโปรโมท” เลยก็ว่าได้ และถ้าผมเขียนบทความนี้ออกมาให้คุณๆรู้ก่อนที่จะชม คุณๆหลายคนอาจจะประนามผมได้ว่า “มาเฉลยแบบนี้ แล้วกรูจะดูสนุกมั๊ยเนี่ย!!”

“โคตรรักเอ็งเลย” คือเรื่องเลิฟสตอรี่จี๊ดโดนใจเมื่อ “รงค์” (อุดม แต้พานิช) นักเขียนบทตลก กำลังตกที่นั่งลำบากกับอาถรรพณ์ชีวิตคู่ ที่ดูเหมือนจะไร้ปัญหา แต่ทว่ามันมีอยู่จริง เพราะ “แดง”(วิภา สารสาส) ภรรยาสุดที่รักดันไปเกิดมีกิ๊กกั๊ก ปันใจให้กับหมอตรวจภายใน ที่แสนสุภาพสุดหล่อนามว่า “รักษา” (อัครา อมาตยกุล) ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง รงค์รับรู้ถึงความสัมพันธ์แบบลับๆล่อๆของเมียเข้าจากไดอารี่เล่มแดง อารมณ์ปรี๊ดส์ขึ้น ผัวเมียเคลียร์กันไม่ลง แดงขับรถออกจากบ้านตกเข้าทันที เดือดร้อนถึงปอเต็กตึ๊งที่ต้องตามไปเก็บ รงค์ได้แต่เสียใจ ที่ทำให้เมียต้องจากไป โดยที่ยังไม่ทันได้พูดจากันให้เข้าใจ รงค์อยู่บ้านชักรู้สึกหวั่นๆ ข้าวของในบ้านเริ่มเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ เขาบอกกับทุกคนว่าเมียของเขากลับมาที่บ้านแน่ๆ นอน เพื่อนได้แต่บอกให้ทำใจ

อ่านเรื่องย่อคร่าวๆ คุณหลายคนคงคิดว่า มันต้องเป็น เลิฟสตอรี่ ที่เศร้า รันทด หม่นหมองประคองอารมณ์ น้ำตาท่วมจอ แบบที่ทางค่ายหนังตัดเอาตัวอย่าง เพลงประกอบ และมิวสิควิดีโอ มาฉายให้ดูตามโฆษณา หรือ คั่นระหว่างรายการทางช่อง 7 สี แน่ๆ แต่ผมขอบอกเลยว่า คุณคิดผิดครับ คุณโดนหลอกเข้าเต็มเปา เพราะสิ่งที่เอามาให้ดูกันนั้น เป็นเพียงแค่1 ใน 3 ส่วน ที่สุดแสนจะอึ้ง ของหนังเรื่องนี้เท่านั้น เหมือนกับต้องการให้ทุกคนคิดไปเองก่อนเลยว่า ต้องเป็นหนังเศร้าน้ำตาท่วมจอแน่นอน

นั่นเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ หนังเรื่องนี้ ผมคงต้องยกเครดิต และขอปรบมือดังถึงดังที่สุดให้กับไอเดียและความคิดของผู้กำกับ “พิง ลำพระเพลิง” ที่สามารถหลอกคนดูได้ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง หนังหักมุมได้แนบเนียน ถึง 3ครั้งแรงๆ จนคนดูอึ้งกันไปทั้งโรง ถ้าเป็นยิมนาสติก การหักมุมแบบนี้ก็เป็นการเล่นท่ายาก ตีลังกาซัมเมอร์ซอลล์ 3 รอบครึ่ง ก่อนจะม้วนตัวตลบหลัง 5 รอบก่อนลงพื้นด้วยท่ายืนแอ่นอกชูแขนแล้วได้ 10 คะแนนเต็ม (จริงๆ นะ)

20 นาทีแรกผ่านไป ผมนั่งดูไปแล้วก็ได้แต่อินกับความเศร้า และรันทดหดหู่ ของชีวิตคู่ของคู่รักคู่หนึ่งที่เคยรักกันมาก แล้วความชินชาก็มาเปลี่ยนแปลงให้เป็นความเฉยชา ความรักที่คนสองคนมีให้กันเริ่มเปลี่ยนไป ความน่าสมเพศของตัว “รงค์” ยิ่งทำให้อารมณ์ของคนดูหม่นหมองลงไปอีก แล้วยิ่งคนที่รู้มาก่อนว่าเรื่องนี้มีเค้าโครงมาจากชีวิตจริงของคุณ “พิง” ยิ่งทำให้อาการเศร้ามันถูกปล่อยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็เกือบจะสรุปไปแล้วว่า เรื่องนี้คือหนังดราม่าที่เศร้าสุดๆ

แต่ ผมก็ต้องเปลี่ยนใจ และเริ่มที่จะนั่งเก็บรายละเอียดหนังเรื่องนี้มากขึ้น เพราะหนังมาหักมุมอย่างแรง โดยที่ผมไม่เคยเห็นหนังเรื่องไหนทำมาก่อน ความเศร้าที่ถูกปูทางมาอย่างดีในช่วงแรก กลับมลายหายวับไปกับตา เมื่อผู้กำกับ “พิง” ขนมุก “ขำก๊าก” “ฮาแตก” ออกมาใส่กันไม่หยุด โดยมุกที่ว่านี้ ก็ไม่ใช่มุกเน้นตลกเข้าว่า ไม่เอาเนื้อหา แต่เป็นมุกที่มาเฉลยความเป็นเรื่องเศร้าของหนังช่วงแรกและมาเตือนคนดูว่า “คุณกำลังถูกหลอก!!”

แต่มันยังไม่หมดแค่นั้น เหมือนโฆษณาสินค้า TV Direct คุณจะได้รับของแถมมากมาย ความฮาในช่วงที่สอง กลับมาเศร้าอีกครั้งในตอนท้าย เศร้าเหมือนช่วงแรกที่รันทดสุดๆ จนหลายคนคิดว่า “ไอ้สองคนนี้ คงรักกันไม่ได้จริงๆ” แต่ไม่ใช่ “คุณโดนหลอกอีกแล้ว” ขอย้ำว่า “คุณโดนหลอก” เพราะช่วงที่สามที่เป็นไคลแม็กซ์ของเรื่องนี่แหละ ที่จะมาเฉลย และคลี่คลายปมทั้งหมดในเรื่อง จากสิ่งที่คนดูได้ชมและคิดตามมาตลอดเรื่อง กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่า บทสรุปของหนังเรื่องนี้จะออกมาแบบไหน ซึ่งถือว่า ช่วงที่สามนี่แหละ คือการแสดงให้เห็นถึง “ภูมิคุ้มกันชีวิตคู่” เหมือนที่คุณ “พิง” เคยให้สัมภาษณ์ไว้ตามรายการต่างๆ


นอกจากตัวบทที่ถูกกลั่น กรองออกมาจากไอเดียอันบรรเจิดของคุณ “พิง” แล้ว นักแสดงทุกคนก็มีส่วนช่วยผลักดันให้เรื่องนี้ลงตัวขึ้นไปอีก บทของ “รงค์” ผมยังมองไม่ออกเลยว่าใครจะมาแสดงบทนี้ได้ดีเท่า “โน้ส อุดม” (อาจจะมีอยู่คน คือตัวผู้กำกับ “พิง ลำพระเพลิง” เอง) เพราะตอนแรกผมคิดว่า “โน้ส” ก็แค่จุดขายจุดใหญ่ของหนังเรื่องนี้ แต่ผมคิดผิดไป แต่เท่าที่ดู ลักษณะและบุคลิกความเป็น “รงค์” มันคือตัว “โน้ส” ดีๆ นี่เอง ซึ่งถ้าคุณไปดู ก็คงจะเข้าใจที่ผมบอก ในขณะที่ บทของ “แดง” เมีย “รงค์” “ไหม – วิสา สารสาส” ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าจะเป็นงานแสดงครั้งแรกของเธอ แต่เธอก็ทำได้เป็นธรรมชาติมาก ซึ่งคุณสมบัติของไหมก็ตรงกับ “แดง” ที่เป็นผู้หญิงสวยที่มีสามีขี้เหร่ และความสวยของเธอก็ทำให้เธอมีโอกาสได้พบเจอคนอื่นและเผลอตัวเผลอใจไปจนเกือบ จะทำให้ชีวิตคู่ต้องพังลง

หนัง เรื่องนี้หากจะมองถึงจุดอ่อน ผมว่าหาแทบไม่เจอ แต่ที่ผมไม่ชอบคือ การที่หนังกำลังผลักดันอารมณ์ให้เศร้าสุดๆ แต่กลับถูกเบรกด้วย มุกตลกที่ผู้กำกับคงต้องการเอามาเบรกคนดู ในแบบฉบับของเขาเอง คือการนำตัวละครที่ “รงค์” เขียนไว้ในบท ออกมาเล่นให้คนดูขำ แต่การขำแบบนี้ ผมคิดว่า มันเหมือกับอารมณ์หนังมันถูกเบรกให้ไม่สุด ทำให้อาจจะขัดกันไปนิด เพราะมันฉีกอารมณ์เกินไปที่จะปูทางให้เกือบเศร้าแล้วเอาทีมพากย์ “พันธมิตร” บวกกับความหลุดของ “พิง ลำพระเพลิง” และ “อิม อชิตะ” ในเรื่องมาสร้างเสียงหัวเราะในทันที

โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้ ผมให้ 4 ดาวครึ่ง จาก 5 ดาวเลย เพราะเป็นอะไรที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน และเป็นการแหวกแนวที่ทำออกมาได้บันเทิงจริงๆ อย่างที่คุณพิงบอกไว้ว่า หนังของเขาไม่ใช่หนังเศร้า เป็น โรแมนติค ดราม่า คอมเมดี้ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ สรุปว่า หนังเรื่องที่เป็นหนังที่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ คนที่คิดว่า ชีวิตคู่ที่มีอยู่เริ่มจะไม่มั่นคงซะแล้ว คุณควรจะจูงมือคู่ของคุณไปดู และทำความเข้าใจกับสิ่งที่คุณ “พิง” ต้องการจะบอกคุณ และผมขอให้คะแนนพิเศษ 5 ดาว กับผู้กำกับมือใหม่แต่หน้าเก่าคนนี้เลยครับ โดยเฉพาะการเขียนบทเรื่องนี้ของเขาที่เขียนได้เยี่ยมมากจนหลายคนพูดประโยค หนึ่งออกมาจากปากว่า “แม่_คิดได้ไงวะเนี่ย!!” (ผมได้ยินจริงๆ และจากปากหลายคนด้วย)


บท วิจารณ์เป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล กรุณาตัดสินจากการชมภาพยนตร์ด้วยตัวเอง


ที่มา http://movie.sanook.com/review/review_11470.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น